ปราชญ์ควรคู่กับกู่ฉิน
ที่มา : http://board.palungjit.com
“...วิชาดนตรีนั้นเป็นวิชาของปราชญ์ ไม่ใช่เรื่องของคนเต้นกินรำกินอย่างที่เคยเข้าใจกัน...” นี่เป็นบทความตอนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Season chang ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับดนตรีสากล
ไม่ว่าประเทศใด ๆ ปราชญ์ทั้งหลายก็ได้ให้ความสำคัญกับดนตรีทั้งทางประเทศตะวันตกและทางประเทศตะวันออก อย่างเช่น ไพธากอรัส นักปรัชญาและนัdคณิตศาสตร์ชาวกรีก ผู้วางรากฐานทฤษฎีดนตรีตะวันตก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ผู้คิดค้นพลังงานนิวเคลียร์ และนักsolo violin ขงเบ้ง ยอดกุนซือของเล่าปี่ และพระบาทสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัย ผู้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงบุหลันลอยเลื่อนจากความฝัน เป็นต้น
กู่ฉินคือพิณจีนเจ็ดสาย ซึ่งสืบทอดประวัติอันยาวนานของมันมาตั้งแต่สมัยจีนดึกดำบรรพ์และปัจจุบันถูกกล่าวถึงในฐานะราชาแห่งเครื่องดนตรีจีนนสมัยชุนชิวเลียดก๊ก กู่ฉินเป็นเครื่องดนตรีชั้นสูงที่นิยมเล่นกันในหมู่นักปราชญ์ราชบัณฑิต ถึงกับมีคำกล่าวไว้ว่า “ขวามือตำรา ซ้ายมือกู่ฉิน” เพราะศิลปะในการดีดกู่ฉินนั้นมีความลุ่มลึกละเอียดอ่อน ยากแก่การฝึกฝน โดยเฉพาะการดีดให้เกิดสุนทรียะ
คุณสมบัติของเสียงกู่ฉินคือ
สูงต่ำผันแปรไม่สิ้นสุด ขึ้นสูงแล้วมุดลงต่ำ
ย้อนซ้ำกลับไปสูง พลิ้วไหวและสั่นคลอน
เสียดสีแข็งกระด้าง แผ่วเบาอ่อนโยน
หยาบคายก็ได้สุภาพก็ได้
นับเป็นเครื่องดนตรีที่มหัศจรรย์ยิ่งและเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณ
ตั้งแต่โบราณกาลมากู่ฉินเป็นถือเป็นเครื่องมือพัฒนาจิตใจของนักปราชญ์ โดยเฉพาะในยุคของขงจื้อขึ้นไป ขงจื้อก็สอนกู่ฉินแก่ลูกศิษย์เช่นกัน เสียงกู่ฉินทำให้จิตใจบริสุทธิ์ และเบาบาง กู่ฉินเป็นเครื่องดนตรีที่แฝงไปด้วยปรัชญาแทบทั้งสิ้น จะเห็นได้จากส่วนประกอบของตัวเครื่องดนตรีก็มีความหมาย คนโบราณคิดค้นกู่ฉินโดยการนำลักษณะของมนุษย์กับหงส์มาผสมกัน คือมี หัว ตา คอ ไหล่ เอว หาง และเท้า นอกจากนี้ยังได้นำ ฟ้า ดิน และสรรพสิ่งมาประสานลงบนกู่ฉิน วิธีทำกู่ฉินเป็นการนำไม้ 2 ชิ้นมาประกอบกัน ไม้ชิ้นบนจะมีลักษณะโค้งเป็นสัญลักษณ์ของ “ฟ้า หรือหยาง” ไม้ชิ้นล่างมีลักษณะเรียบแบนเป็นสัญลักษณ์ของ “แผ่นดินหรือ หยิน” ไม้ชิ้นล่างจะมีช่องเสียง 2 ช่อง ช่องใหญ่เรียกว่า “สระมังกร” ช่องเล็กเรียกว่า “สระหงส์” กู่ฉินหัวจะกว้างหางจะแคบ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน เปรียบดัง “ฤดูกาลทั้งสี่ของปี” กู่ฉินมี 13 ฮุย (ตำแหน่งสำหรับกดสาย) เปรียบดัง “เดือนทั้ง 12 กับเดือนอธิกสุรทิน” ความยาวของกู่ฉินคือ 3 ฉือ 6 ชุ่น 5 เฟิน (ประมาณ 125 ซ.ม.) เปรียบดัง “365 วันในรอบปี” กว้าง 6 ชุ่น (ประมาณ 20 ซ.ม.) เปรียบดัง “ทิศ ทั้งหก” หนา 2 ชุ่น (ประมาณ 6 ซ.ม.) เปรียบดัง “หยินและหยาง”
กู่ฉินเป็นเครื่องดนตรีที่ขึงสายดีดเช่นเดียวกับกู่เจิง แต่ต่างกันตรงที่กู่ฉินเป็นเครื่องดนตรีขนาดเล็กมีเพียง 5 สาย หรือ 7 สาย และไม่มีหย่อง (Fret) หนุนรองรับสายไว้ทุกสายเหมือนกู่เจิง
สายกู่ฉินมีชื่อเรียกเฉพาะต่างกันไปตั้งแต่สายบนสุดมายังสายล่างสุด
1. สายหนึ่ง เรียกว่า เทียนจวิน หรือ เทียน คือสายจักรพรรดิ สายนี้แทนฟ้า เสียงให้ ทุ้มต่ำ ดีดเพียงครั้งเดียวก็จะสั่นสะเทือนทั้งตัวฉิน
2. สายสอง เรียกว่า ตี้เฉิน หรือ ตี้ คือ ขุนนาง สายนี้แทนดิน มีสำเนียงทุ้มลึก หนักแน่นมั่นคง เดชของเสียงเป็นรองเพียงแค่สายฟ้า
3. สายสาม เรียกว่า เหริน คือ สายมนุษย์ เดิมทีสายนี้เป็นสายกลาง มีเสียงที่พอดี ๆ มีเนื้อมีหนัง
4. สายสี่ เรียกว่า ซื่อร์ คือ สายกิจการเอาเรื่องราวทั้งปวง มีเสียงสูงพอเหมาะ
5. สายห้า เรียกว่า อู้ คือ สายสรรพสิ่ง เดิมทีเป็นสายสุดท้าย มีสำเนียงสูงโดด
6. สายหก เรียกว่า เหวิน คือ สายภูมิปัญญา กล่าวกันได้เพิ่มขึ้นโดยกษัตริย์พระองค์หนึ่งเติมสายนี้ขึ้นมาในการเล่นไว้อาลัยให้กับโอรสของพระองค์ จึงมีสำเนียงที่วิเวกวังเวง และเศร้าสร้อย
7. สายเจ็ด เรียกว่า อู่ คือ สายฤทธิ์เดช ได้เพิ่มขึ้นหลังจากสายหกไม่นาน สำเนียงสูงมากจนเสียดแทง แต่แฝงไปด้วยความงดงามกังวาน แสดงถึงการศึก หลังจากสมัยของขงจื้อแล้ว กู่ฉินก็ได้เปลี่ยนแปลงจากเครื่องมือพัฒนาจิตใจกลายเป็นเครื่องดนตรีในยุคต่อมา หลังจากนั้นดนตรีก็ได้มีการกำหมดแบบแผนอย่างเด่นชัดในสมัยราชวงศ์ซ่ง ทำให้กู่ฉินก็ถูกตั้งมาตรฐานไปด้วย และได้เกิดการบันทึกโน้ตอย่างจริงจัง แต่อย่างไรก็ตาม กู่ฉินก็ยังคงไม่มีมาตรฐานใดมากำหนดได้ ปัจจุบันกู่ฉิน ก็ได้เข้าไปสู้ระบบวิทยาลัยทำให้เจตนารมณ์ดั้งเดิมของคนโบราณเปลี่ยนไป เพราะใช้หลักทฤษฎีดนตรีสากลมาเป็นมาตรฐาน และก็กลายเป็นแค่เครื่องดนตรีธรรมดาๆไปก็เท่านั้น
กู่ฉินนับได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีอีกเครื่องหนึ่งที่ทรงไปด้วยคุณค่า และความหมายแฝงมากมาย เต็มไปด้วยปรัชญาความรู้ การเข้าถึงทางสุนทรีย์ก็ยากยิ่งต้องเป็นผู้มีความรู้เท่านั้นถึงจะรับความสุนทรีย์ จึงเหมาะสำหรับเป็นเครื่องดนตรีสำหรับนักปราชญ์โดยแท้
อ้างอิง
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. สังคีตนิยม ความซาบซึ้งในดนตรีตะวันตก. กรุงเทพฯ. ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด,
2546
สุกรี เจริญสุข. ดนตรีเพื่อพัฒนาศักยภาพสมอง. นครปฐม. วิทยาลัยดุริยางค์ดุริยางคศิลป์
มหาวิทยาลัยมหิดล, 2550
http://www.thaikids.com/kujeng/kujeng.htm
http://www.jin4u.com/index.php?option=com_content&task=view&id=91&Itemid=45
http://okls.net/column002.html
http://board.palungjit.com/showthread.php?t=139408
http://www.thaisamkok.com/
http://www.palungjit_com.htm/

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น